Wednesday, December 19, 2018

บิ๊กแป๊ะเคลื่อนไหว ลุยทำคดีเด็กหญิงวัย 11 เหยื่อ 5 โจ๋รุมโทรม สั่งเด็ดขาด ต้องไม่มีการวิ่งเต้น

จากกรณีที่มีหนุ่มรายหนึ่งโพสต์เฟซบุ๊ก ระบุว่าลูกสาว อายุ 11 ปี กำลังเรียนอยู่ชั้น ป.5 ของโรงเรียนแห่งหนึ่งใน จ.สระบุรี ถูก 5 เยาวชน พาไปรุมโทรมในร้านขายของแห่งหนึ่ง หลังเกิดเหตุ มีอบต.พยายามมาเคลียร์และจ่ายเงินให้จบเรื่อง แต่พ่อไม่ยอม และบันดาลโทสะทำร้ายร่างกายพ่อและเด็กที่ก่อเหตุ ตามที่เสนอข่าวไปแล้วนั้น
เมื่อวันที่ 19 ธ.ค. พ.ต.อ.กฤษณะ พัฒนเจริญ รองโฆษก สำนักงานตำรวจแห่งชาติ กล่าวว่า จากประเด็นที่ผู้เสียหายมาร้องเรียนเกรงว่าไม่ได้รับความเป็นธรรม จากกรณีลูกสาวถูกกลุ่มวัยรุ่นรุมข่มขืนขอชี้แจงว่า เมื่อวันที่ 17 ธ.ค.2561 เวลาประมาณ 02.00 น. น.ส.นก (นามสมมติ) ผู้เสียหาย ซึ่งเป็นมารดาของเด็กหญิงเอ (นามสมมติ) อายุ 12 ปี พยาน, ผู้เสียหาย มาพบพนักงานสอบสวนเพื่อแจ้งความร้องทุกข์
โดยผู้เสียหายเชิญตัวผู้ก่อเหตุ ซึ่งเป็นเยาวชนจำนวน 5 คน มีอายุระหว่าง 15-16 ปี พนักงานสอบสวนซักถามปากคำผู้เสียหายเบื้องต้นได้ความว่า เมื่อวันที่ 14 ธันวาคม 2561 เวลาประมาณ 02.30 น. ผู้เสียหายซึ่งอยู่ในความปกครองของน.ส.นกถูกผู้ก่อเหตุทั้ง 5 คน ใช้กำลังบังคับขู่เข็ญพาเข้าไปภายในร้านที่เกิดเหตุ อยู่ตรงข้ามอาชีวศึกษาสระบุรี ต.ปากเพรียว อ.เมืองสระบุรี จ.สระบุรี ร่วมกันกระทำชำเราผู้เสียหาย
ต่อมาเมื่อวันที่ 16 ธ.ค. 2561 น.ส.นกได้ทราบเรื่องจากลูกสาว จึงนัดตกลงค่าเสียหายกับผู้ปกครองของผู้ก่อเหตุ แต่เมื่อตกลงกันไม่ได้ โดยในระหว่างการเจรจาตกลง มีนายคม (นามสมมติ) ซึ่งเป็นพ่อของผู้เสียหาย เดินทางมาถึงที่ดังกล่าว ที่เข้าทำร้ายร่างกายผู้ก่อเหตุทั้ง 5 คน
จากนั้นมีเจ้าหน้าที่ตำรวจเข้ามาระงับเหตุทะเลาะวิวาท เจ้าหน้าที่ตำรวจพาผู้ก่อเหตุมาพบพนักงานสอบสวน เพื่อแจ้งความร้องทุกข์ดำเนินคดีกับผู้ก่อเหตุทั้ง 5 คน ตามกฎหมาย พนักงานสอบสวนได้รับคำร้องทุกข์ไว้ดำเนินคดี และส่งผู้เสียหายและผู้ก่อเหตุทั้ง 5 คน ไปตรวจร่างกายที่รพ.สระบุรี โดยไม่ได้จับกุมหรือควบคุมตัวไว้ เนื่องจากไม่ใช่ความผิดที่เกิด ซึ่งหน้า พนักงานสอบสวนจะได้เยาวชนทุกคนร่วมกับสหวิชาชีพ และจะดำเนินการตามกฎหมายต่อไป
พ.ต.อ.กฤษณะ กล่าวอีกว่า พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผบ.ตร. สั่งการให้เจ้าหน้าที่ตำรวจที่เกี่ยวข้องเร่งรัดดำเนินการตามขั้นตอนของกฎหมาย เพื่อนำตัวผู้ก่อเหตุมาดำเนินคดีโดยเร็ว คดีนี้ถือเป็นเหตุสะเทือนขวัญ เพราะเป็นการใช้ความรุนแรงกระทำทางเพศกับเด็ก
โดยเน้นย้ำให้การดำเนินการสืบสวนสอบสวน ด้วยความถูกต้อง รวดเร็ว เป็นธรรมกับทุกฝ่าย ไม่มีการวิ่งเต้นช่วยเหลือฝ่ายหนึ่งฝ่ายใด ให้ไม่ต้องรับโทษตามกฎหมาย ให้ดำเนินการตามหลักกฎหมาย อาศัยพยานหลักฐานทางนิติวิทยาศาสตร์หรือพยานหลักฐานที่ชี้ถึงตัวผู้กระทำความผิดเป็นสำคัญ และต้องสามารถนำผู้ก่อเหตุมาเข้าสู่กระบวนการยุติธรรมให้ได้โดยเร็ว และให้ผู้บังคับบัญชาควบคุมดูแลอย่างใกล้ชิด เพื่อเยียวยาความเสียหาย และสร้างความเชื่อมั่นให้กับพี่น้องประชาชนและสังคม
https://www.siamnews.com